ตามปกติการพูดคุยที่ต้องเปล่งเสียงออกจากลำคอ แต่กับคนบางกลุ่มนี่เป็นข้อจำกัดที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถสื่อสารได้ แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อมีการคิดค้น สร้อยคออัจฉริยะที่ช่วยให้พูดได้โดยไม่ต้องส่งเสียง
การพูดคุย จัดเป็นรูปแบบการสื่อสารหลักที่ใช้งานทั่วไป สำหรับถ่ายทอดเนื้อหาและใจความจากบุคคลสู่บุคคลผ่านทางเสียง โดยอาศัยตัวกลางที่เรารู้จักในฐานะภาษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน แต่กระบวนการเหล่านี้ต้องพึ่งพาการทำงานของกล้ามเนื้อคอและช่องปากจึงจะสื่อสารอย่างราบรื่น สำหรับผู้มีความผิดปกติในส่วนนี้จึงไม่สามารถพูดคุยได้สะดวก
แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อมีการคิดค้นสร้อยคออัจฉริยะที่สามารถตรวจจับคำพูดโดยไม่ต้องเปล่งเสียง
สร้อยคออัจฉริยะตรวจจับคำพูดโดยไม่ต้องเปล่งเสียง
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก University of Cambridge กับการคิดค้นพัฒนาสร้อยคออัจฉริยะ ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์รุ่นใหม่ซึ่งสามารถตรวจวัดการขยับของลำคอแล้วถอดความออกมาเป็นคำพูด จากนั้นจึงนำเนื้อหาดังกล่าวไปถ่ายทอดในฐานะเสียงสังเคราะห์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสื่อสารได้โดยไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียง
สร้อยคออัจฉริยะมีลักษณะใกล้เคียงกับสร้อยคอโชคเกอร์ อาศัยกลไกการทำงานด้วยเซ็นเซอร์ตรวดวัดความเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณลำคอเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว จากนั้นจึงนำสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเข้าสู่การประมวลผลผ่านซอฟต์แวร์เฉพาะในการแปลงออกมาเป็นคำพูด
เซ็นเซอร์บนสร้อยคอถูกพัฒนาอย่างละเอียดอ่อนพร้อมเคลือบกราฟีนเอาไว้บนพื้นผิว วัสดุนี้ช่วยเพิ่มระดับความไวของเซ็นเซอร์ให้เพียงพอต่อการตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงและการขยับของกล้ามเนื้อ แม้แต่การเคลื่อนไหวในระดับเล็กน้อยก็สามารถตรวจสอบอย่างแม่นยำจนสามารถถอดออกมาเป็นเสียงพูดได้ในที่สุด
จากการทดสอบพบว่าสร้อยคออัจฉริยะนี้รองรับการใช้งานกับทุกเพศทุกวัยและทุกชาติพันธุ์ สามารถแปลงคำพูดออกมาเป็นเสียงผ่านลำโพงที่ติดตั้งได้ตามระดับความเร็วการพูดของผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์ พร้อมระดับความแม่นยำในการประมวลผลคำพูดเหล่านั้นอยู่ที่ 92.25%
ด้วยปลอกคอนี้เองจะช่วยให้ผู้ใช้งานพูดคุยสื่อสารได้ตามปกติโดยที่ไม่จำเป็นต้องส่งเสียงใดๆ
ประโยชน์ของสร้อยคออัจฉริยะ
ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นเราย่อมทราบดีว่า สร้อยคออัจฉริยะนี้ได้รับการออกแบบให้ใช้งานในกลุ่มผู้ที่มีความบกพร่องทางการพูด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความพิการแต่กำเนิด นี่จะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้พวกเขามีโอกาสพูดคุยสื่อสารตามปกติจนอาจใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป
อันดับต่อมาคือกลุ่มที่มีอาการพูดไม่ชัด พูดติดขัด หรือความบกพร่องในการออกเสียง ต่างจากกลุ่มแรกตรงพวกเขายังพอพูดคุยสื่อสารได้ แต่ด้วยข้อจำกัดทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจ แต่สร้อยคออัจฉริยะนี้ตรวจจับการเคลื่อนไหวบริเวณลำคอ จึงอาจช่วยแก้ไขอาการผิดปกติและเสริมสร้างความมั่นใจในการเข้าสังคมอีกครั้ง
ที่เป็นประโยชน์ไม่แพ้กันคือกลุ่มผู้ป่วยที่เกิดผลกระทบต่อการพูด เช่น อาการทางสมองและระบบประสาท พาร์กินสัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง โรคเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการขยับปากและออกเสียงจนเปล่งเสียงออกมาเป็นคำได้ยาก แต่อุปกรณ์นี้อาจช่วยให้พวกเขากลับมาพูดคุยสื่อสารได้อีกครั้ง
เช่นเดียวกับกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บและการรักษาบางชนิด เช่น อาการบาดเจ็บบริเวณลำคอ ผ่าตัดต่อมไทรอยด์ มะเร็งกล่องเสียง รวมถึงการฉายรังสีและรับยาบางชนิด อาจก่อให้เกิดอาการบวมและบาดเจ็บบริเวณเส้นเสียงและกล่องเสียงจนไม่สามารถสื่อสารได้ ซึ่งสร้อยคออัจฉริยะจะเข้ามาช่วยแก้ไขในจุดนี้
นอกจากใช้งานร่วมกับผู้ที่มีความบกพร่องและการเจ็บป่วยแล้ว สร้อยคออัจฉริยะยังอาจนำไปใช้ในสถานที่ซึ่งมีเสียงรบกวนเพื่อความชัดเจนในการพูด กลุ่มอาชีพใช้เสียงที่ต้องการถนอมเสียงของตัวเอง หรือแม้แต่การใช้ร่วมกับกลุ่มที่มีปัญหาทางจิตใจเพื่อใช้ทดแทนเสียงพูดตามปกติ
นี่จึงถือเป็นอุปกรณ์ช่วยสนับสนุนการสื่อสารที่ปลอดภัย เป็นธรรมชาติ และนำไปใช้ได้อย่างหลากหลาย
ปัจจุบันตัวอุปกรณ์ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าวิจัย จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งข้อมูลคลังคำศัพท์และระบบประมวลผลให้รองรับการใช้งานอย่างครอบคลุม โดยทีมวิจัยตั้งเป้าให้สร้อยคออัจฉริยะนี้เป็นมาตรฐานใหม่ของการพูดคุยสื่อสารที่มีล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพแก่คนทุกกลุ่มต่อไป
แหล่งข้อมูล
https://www.posttoday.com/smart-life/714070