Google พัฒนา Project Jarvis ผู้ช่วย AI อัจฉริยะบน Chrome ควบคุมคอมพิวเตอร์ได้


  • Google กำลังพัฒนา AI agent ชื่อ “Project Jarvis” AI นี้จะทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ Chrome เพื่อช่วยผู้ใช้ทำภารกิจต่างๆ แบบอัตโนมัติ เช่น ค้นคว้าข้อมูล ซื้อสินค้า และจองตั๋วเครื่องบิน
  • Jarvis ทำงานโดยการจับภาพหน้าจอและตีความ AI จะวิเคราะห์ภาพหน้าจอเพื่อทำความเข้าใจคำสั่งและดำเนินการต่างๆ เช่น คลิกปุ่มหรือพิมพ์ข้อความ แต่ปัจจุบันยังทำงานช้า ต้องใช้เวลาประมวลผล 2-3 วินาทีต่อการกระทำแต่ละครั้ง
  • Jarvis ขับเคลื่อนโดย Gemini 2.0 คาดว่า Google อาจเปิดตัว Jarvis ให้เห็นเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคมนี้ ก่อนจะปล่อยให้ผู้ทดสอบบางส่วนได้ใช้งานจริง

Google กำลังพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ล่าสุดในชื่อ “Project Jarvis” ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะทำให้การใช้งาน Chrome ง่ายและดวกขึ้น สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการคลิก, กรอกฟอร์ม และอื่นๆอีกมากมาย

Google กำลังพัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะ (AI Agent) ตัวใหม่ที่จะมาช่วยให้การใช้งาน Google Chrome สะดวกสบายขึ้น ซึ่งจะใช้ชื่อว่า Project Jarvis โดยเทคโนโลยีต่างๆจะทำให้การควบคุมการทำงานบนเบราว์เซอร์ Chrome สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ โดย AI ตัวนี้จะทำอะไรได้บ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆกัน

Jarvis ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งานในการทำงานบนเว็บไซต์ต่างๆ โดยสามารถโต้ตอบกับหน้าเว็บไซต์ได้ราวกับเป็นมนุษย์ เช่น การคลิกปุ่ม การกรอกแบบฟอร์ม และการนำทางไปยังหน้าเว็บเพจต่างๆ ซึ่งตัวอย่างการใช้งาน Jarvis มีดังนี้

  • รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต และจัดทำเป็นรายงานสรุป
  • สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เปรียบเทียบราคา และค้นหาข้อเสนอที่ดีที่สุด
  • จองเที่ยวบิน จองโรงแรม และจองร้านอาหาร

อย่างไรก็ตาม Jarvis จะถูกขับเคลื่อนโดย Gemini 2.0 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) รุ่นใหม่ล่าสุดของ Google และได้รับการปรับแต่งให้ทำงานร่วมกับ Chrome ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Jarvis ทำงานโดยการวิเคราะห์ภาพหน้าจอ และตีความข้อมูลบนหน้าเว็บ เพื่อดำเนินการตามคำสั่งของผู้ใช้งาน

Jarvis จะทำงานโดย “บันทึกภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง” จากนั้นระบบจะประมวลผลภาพเหล่านั้นเพื่อวิเคราะห์และดำเนินการตามคำสั่ง เช่น การคลิกปุ่ม หรือการป้อนข้อความลงในช่องต่างๆ

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน Jarvis ยังคงมีข้อจำกัดในด้านความเร็วในการประมวลผล โดยระบบต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลประมาณ 2-3 วินาทีก่อนการดำเนินการแต่ละครั้ง ซึ่งบ่งชี้ว่า Jarvis ยังคงต้องพึ่งพาการประมวลผลบนคลาวด์ และยังไม่สามารถทำงานบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้โดยตรง

Google ไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวในตลาด AI Agent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น Microsoft, Apple, และ OpenAI ต่างก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน

แม้ว่า Jarvis จะมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้งานอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังมีประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ต้องคำนึงถึง Google จำเป็นต้องพัฒนามาตรการป้องกันที่รัดกุม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย

ในอนาคต Jarvis อาจพัฒนาไปไกลกว่าการทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ โดยอาจสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ และทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การจัดการไฟล์ การติดตั้งโปรแกรม และการแก้ไขปัญหาทางเทคนิค

Project Jarvis คือความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Google ในการพัฒนา AI ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพในการปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตและยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ Jarvis เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง Google จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับหลักจริยธรรม ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอย่างสูงสุด

Google อาจเผยโฉม Jarvis สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยหลังจากนั้น Jarvis อาจจะเปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบจำนวนจำกัดได้ทดลองใช้งาน ซึ่งนั่นหมายความว่า การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Jarvis คงจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

แหล่งข้อมูล

https://www.springnews.co.th/digital-tech/technology/853664